วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ปัจจัยเสี่ยงของการทำศัลยกรรม


ปัจจัยเสี่ยงของการทำศัลยกรรม
กซ้อนได้ทุกเมื่อ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับความปลอดภัยและผลการรักษาออกมาดี ควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและควรศึกษาหาข้อมูลให้ถี่ถ้วน
  1. คนไข้หรือผู้รับบริการ ต้องมีร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์ ควรให้ข้อมูลที่เป็นจริงแก่แพทย์ เช่น ประวัติแพ้ยา โรคประจำตัว หรือมีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงขึ้นอย่างดื่มสุรา สูบบุหรี่หรือไม่ ทานยา หรือสมุนไพร บางอย่างที่อาจเป็นผลไม่ดีกับการผ่าตัดหรือไม่
  2. ชนิดของศัลยกรรม มีส่วนในแง่ของความเสี่ยง เช่น ในผู้ป่วยที่มีประวัติการสูบบุหรี่ การผ่าตัดดึงหน้า ย่อมมีความเสี่ยงที่อาจทำให้เนื้อเยื่อขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้ผิวหนังตาย แผลไม่ติด ซึ่งก็จะมีความเสี่ยงสูงกว่าการผ่าตัดทำตาสองชั้น เป็นต้น
  3. ความรู้ ความสามารถและทักษะของศัลยแพทย์ เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งต่อผลที่จะออกมา ทั้งผลของการทำศัลยกรรม ผลของการลดอัตราเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น รวมไปถึงเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะต้องมีแนวทางในการรักษาแก้ไขที่ถูกต้อง เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ต้องมีความพร้อม สะอาด และได้มาตรฐาน  ในบางประเทศมีกฎข้อบังคับชัดเจนว่า แพทย์ใดบ้างที่จะเรียกตัวเองว่า ”ศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวย” สถานที่แบบใดบ้างที่อนุญาตให้ทำศัลยกรรมเสริมสวยได้ ในขณะที่ประเทศไทยอาจยังไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไหร่

เมื่อมีการพัฒนามากขึ้น จากศัลยกรรมตกแต่งเพื่อการรักษาและแก้ไข ก็ขยับไปถึงคำว่า เพื่อความสวยงาม ซึ่งคนทั่วไปจะมักคุ้นกับคำนี้ดี หากพูดถึงคำว่าศัลยกรรมตกแต่งปุ๊บ ก็จะต้องร้องอ๋อ เสริมจมูก เสริมคาง หรือเสริมสวยนั่นเอง แต่ในทางการแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเป็นทั้ง ศัลยศาสตร์เสริมสร้าง (Reconstructive Plastic Surgery) ผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติ ของรูปร่างหรือความพิการที่มีมาแต่กำเนิด หรือเกิดขึ้นภายหลังจากอุบัติเหตุ หรือสภาพร่างกายที่เป็นผลจากการผ่าตัดเนื้อมะเร็ง และ ศัลยศาสตร์ตกแต่งเสริมสวย (Cosmetic Plastic Surgery) คือ การผ่าตัดเพื่อความสวยงาม ในคนที่ปกติให้ดูดีขึ้น สวยน้อยให้สวยมากขึ้น
แนวทางในการรักษา ถ้าเป็นทางด้านศัลยศาสตร์เสริมสร้าง แน่นอนว่าคุณหมอต้องรักษาแก้ไขตามความผิดปกติของอวัยวะนั้นๆ แต่หากเป็นทางด้านเสริมสวย ปัจจุบันสามารถทำได้ทั้งตัว แต่ที่นิยมกันอย่างเช่น การผ่าตัดเสริมจมูก ทำตา 2 ชั้น เสริมหน้าอก ดึงหน้า การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ ดูดไขมันหน้าท้อง สะโพกและขา เป็นต้น
หากจะแบ่งการศัลยกรรมที่นิยมทำกันตามวัยต่างๆ ของบ้านเรานั้น ในกลุ่มวัยรุ่นมักนิยมเสริมจมูก พออายุมากขึ้นหน่อยซักประมาณ 30 ขึ้นไป จะเริ่มเสริมหน้าอก พออายุไต่ไปถึง 40 กว่า หนังตาเริ่มตก เริ่มหย่อนก็มักจะทำตากันมากขึ้น พอย่างเข้าอายุ 50 อะไรๆ ก็เริ่มหย่อนยาน ก็จะมาในรูปแบบของการดึง การยกหน้า ยกหน้าอก ยกหน้าท้อง เป็นต้น
สำหรับวัสดุที่นำมาใช้ในการช่วยเสริม เช่น ซิลิโคนเสริมจมูกหรือเสริมเต้านม ต้องเป็นซิลิโคนเฉพาะทางการแพทย์ที่ปลอดภัย และสามารถอยู่ในร่ายกายได้ โดยไม่มีปฏิกิริยาต่อร่างกายแต่อย่างใด และร่างกายสามารถสร้างเยื่อพังผืดเหมือนเป็นแคบซูล มาห่อหุ้มรอบแท่งซิลิโคนให้ยืดอยู่กับเนื้อเยื่อได้ดี และหากต้องการนำเอาแท่งซิลิโคนออก ก็สามารถเอาออกมาได้ทั้งหมด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น